วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ความสัมพันธ์ไทย-จีน

                 
      ไทยกับจีน มีความผูกพันและติดต่อกันมาอย่างยาวนานนับแต่โบราณกาล  โดยสามารถย้อนไปได้ถึงสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก  (จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้)  ของจีนซึ่งมีบันทึกประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชนชาติไทย และที่เด่นชัดก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรสุโขทัยกับจีน ซึ่งมีการติดต่อ ค้าขายระหว่างกัน และไทยได้รับเทคโนโลยีเครื่องปั้นดินเผามาจากจีนในช่วงเวลาดังกล่าว ความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างไทยกับจีน   น่าจะเริ่มมีขึ้นในช่วงนี้  ด้วยจากการอพยพของชาวจีนในช่วงสงครามสมัยราชวงศ์หยวนและในช่วงต้นราชวงศ์ หมิง และนับจากนั้นมา ก็ได้มีการติดต่อค้าขายกันมาโดยตลอดและมีชาวจีนจำนวนมากเข้ามาตั้งรกราก ในไทย โดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกและสงครามกลางเมืองของจีนในทศวรรษที่ 1930-1950 มีชาวจีนจำนวนมากจากมณฑลทางใต้ของจีน อาทิ  กวางตุ้ง  ไห่หนาน ฝูเจี้ยน  และกวางสี หลบหนีภัยสงครามและความ อดอยากเข้ามาสร้างชีวิตใหม่ในประเทศไทย จึงอาจกล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดดุจพี่น้องระหว่างไทย กับจีนได้มีมาอย่างยาวนาน เหมือนคำกล่าวที่ว่า ไทยจีนใช่อื่นไกลพี่น้องกัน

       แม้กระแสทางการเมืองโลกในยุคสงครามเย็นจะทำให้ไทยกับจีนขาดการติดต่อกันในระดับทางการอยู่ระยะหนึ่ง แต่กระแสการเมืองโลกดังกล่าวก็ไม่อาจจะตัดความผูกพัน และความใกล้ชิดทางวัฒนธรรมที่มีอยู่อย่างแนบแน่นระหว่างประชาชนไทย-จีน ได้ ดังนั้น   นับตั้งแต่ที่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ กรกฏาคม  2518  เป็นต้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ได้พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและราบรื่น และเป็นแบบอย่างหนึ่งของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มี ระบบการปกครองแตกต่างกัน โดยมีพัฒนาการที่เป็นรูปธรรม ดังนี้
1. ด้านการเมือง
    ในทศวรรษแรกหลังจากที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ไทยและจีนประสบความสำเร็จในการเสริมสร้างความเข้าใจและความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันอันนำไปสู่การเป็นหุ้นส่วนในการแก้ไขปัญหาความไม่มั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในยุคนั้น ซึ่งได้ช่วยสนับสนุน การพัฒนาภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากสนามรบกลายเป็นตลาดการค้า นอกจากนี้ พื้นฐานความเข้าใจและความใกล้ชิดดังกล่าวยังมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างจีนกับประเทศอาเซียนอีกด้วย
2. ด้านเศรษฐกิจ
          หลังจากทศวรรษแรกของการสถาปนาความสัมพันธ์ที่ทั้งสองประเทศได้ประสบผลในการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันแล้วนั้น ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าได้กลายเป็นองค์ประกอบที่นับวันยิ่งมีความสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง โดยเฉพาะหลังจากที่จีนได้เริ่มดำเนินนโยบายเปิดประเทศและปฏิรูปเศรษฐกิจภายใต้การนำของนายเติ้ง เสี่ยวผิง เมื่อปี 1978 ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศได้พัฒนาและขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว ในด้านการค้า มูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีน เพิ่มขึ้นจากปีแรกที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตที่ 25 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 31,062 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2007
3. ด้านสังคมและวัฒนธรรม
     ปัจจุบันไทยกับจีนมีความสัมพันธ์และความร่วมมือที่เจริญรุดหน้าในทุกด้าน และนับวันจะยิ่งพัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่องและลึกซึ้ง ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้งสองประเทศ ตลอดจนเป็นประโยชน์ต่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค ดังนั้น ในช่วงศตวรรษที่ 21 ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคหวังว่าจะความร่วมมือกับจีนมากยิ่งทั้งในด้านเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน โดยจีนจะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย
ที่มา


19 ความคิดเห็น:

  1. ทำให้ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของไทยกับจีนเพิ่มมากขึ้น^.^

    ตอบลบ
  2. เนื้อหาสมบูรณ์ อ่านเข้าจัยง่าย แต่งลวดลายได้สวยงามน่าสนใจ ^^

    ตอบลบ
  3. การจัดรูปทรงบล๊อกมีความน่าสนใจ ประกอบไปกับมีเนื้อหาที่ครบถ้วนครับ

    ตอบลบ
  4. บล็อกสวยงามมาก เนื้อหาอ่านง่าย

    ตอบลบ
  5. เจ้ สวยงามคร่าา เนื้อหาดีมาก เข้าจัยง่ายกะทัดรัด เริ่ดๆเชิ่ดๆอ่ะ

    ตอบลบ
  6. รูปแบบสวยงาม เนื้อหาเลิศ ชอบปฏิทินมากก น่าร๊ากกก

    ตอบลบ
  7. รูปแบบสวยงาม เนื้อหาเลิศ ชอบปฏิทินมากก น่าร๊ากกก

    อันบนของคุณเพื่อนเอง แต่ลืมลอกเอาท์ออกจากของพี่

    จุ๊บๆๆเนื้อหาแน่น สวยมาก

    ตอบลบ
  8. เนื้อหาน่าสนใจดี สีสัน colorful จริง

    ตอบลบ
  9. สีเหลืองเป็นสีที่ชั้นโปรดปราน แต่ประเด็นคือ เนื้อหาดีมากค่ะ

    ตอบลบ
  10. รูปแบบการตกแต่งสวยอ่ะ

    ตอบลบ
  11. bgเองจี๊ดมาก เนื้อหาพองาม

    ตอบลบ